พบแรนซัมแวร์มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้คนไข้รายหนึ่งเสียชีวิต หลังจากโจมตีโรงพยาบาลในประเทศอังกฤษ





ภัยไซเบอร์ที่กำลังสร้างผลกระทบที่ร้ายแรงแบบเห็นชัดคงจะหนีไม่พ้นมัลแวร์ประเภทเรียกค่าไถ่ หรือ Ransomware ที่จะใช้การล็อกไฟล์สำคัญต่าง ๆ เป็นตัวประกัน ซึ่งตามปกติมักจะส่งผลให้ตัวธุรกิจเกิดความเสียหาย แต่การโจมตีในครั้งนี้กลับนำพาความเสียหายไปมากกว่านั้นแล้ว
จากรายงานจากเว็บไซต์ The Record ได้กล่าวถึงผลกระทบจากเหตุการณ์โจมตีโรงพยาบาลในเครือบริการสุขภาพแห่งชาติ หรือ NHS (National Health Service) แห่งประเทศสหราชอาณาจักร (ประเทศอังกฤษ) หลายแห่งโดยกลุ่มแรนซัมแวร์ Qilin ในช่วงสิ้นปี ค.ศ. 2024 (พ.ศ. 2567) ที่ผ่านมา ส่งผลให้ระบบการตรวจเลือด (Blood Testing) นั้น ต้องมีความล่าช้าเกินกว่าปกติไปหลายเท่าตัว นำไปสู่การเสียชีวิตอย่างน่าเศร้าของคนไข้รายหนึ่ง แต่ถึงตัวแรนซัมแวร์จะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องสำคัญในการเสียชีวิตของคนไข้รายดังกล่าว ทาง NHS เองก็ได้กล่าวว่า ความล่าช้าเนื่องจากการถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์นั้น เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งจากหลากหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อเหตุการณ์นี้เท่านั้น
นอกจากระบบการตรวจเลือดที่ติดขัดจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งนำไปสู่การรักษาที่ไม่ทันท่วงทีจนผู้ป่วยเสียชีวิต ยังมีรายงานที่การโจมตีชุดเดียวกันนี้สร้างความเสียหายให้กับระบบการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง ทั้งยังคาดการณ์ว่า ข้อมูลของผู้ป่วยถึง 9 แสนราย รวมไปถึงข้อมูลการรักษาของผู้ป่วยโรคมะเร็ง และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะหลุดรอดไปด้วย โดยข้อมูลที่หลุดรอดออกไปนั้นมีทั้งชื่อคนไข้, วันเดือนปีเกิด, เลขประจำตัว NHS และบางรายยังมีรายละเอียดข้อมูลที่อยู่สำหรับการติดต่อ หลุดออกไปอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น จากการโจมตีดังกล่าวยังส่งผลให้คลังโลหิตประสบปัญหาเลือดขาดแคลนทั่วประเทศจากการตรวจสอบที่ช้าลงกว่าปกติ ณ เวลาปัจจุบัน ปัญหาโลหิตขาดแคลนทั่วประเทศสหราชอาณาจักรก็ยังไม่ถูกแก้ไข
แหล่งข่าวยังเปิดเผยอีกว่า ผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบในส่วนของข้อมูลหลุดออกไปนั้น ยังไม่ถูกแจ้งให้ทราบถึงสถานะของข้อมูลของตนที่หลุดรอดออกไปโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ