สู้แล้วรวย ! แฮกเกอร์อินเดียฝึกเองจาก Youtube ขโมยหนังจากเซิร์ฟเวอร์ค่ายหนังขายให้แก๊งหนังเถื่อน ตบทรัพย์อื้อ

เมื่อ : 21 ตุลาคม 2568
ผู้เข้าชม : 388
เขียนโดย :
image_big
image_big
เมื่อ : 21 ตุลาคม 2568
ผู้เข้าชม : 388
เขียนโดย :

ภาพยนตร์เถื่อนนั้นเรียกได้ว่ามีอยู่เกลื่อนกลาด จนแทบเป็นเรื่องปกติไปแล้ว วงการนี้ไวมาก มีทั้งหนังชนโรง และที่หนักสุดก็คงจะเป็นหนังที่ยังไม่ได้ออกแต่หลุดมาในตลาดแผ่นเถื่อน ทำให้หลายคนสงสัยว่า ภาพยนตร์ที่ยังไม่จัดจำหน่ายเหล่านี้หลุดออกมาได้อย่างไร ? และข่าวนี้อาจจะเป็นคำตอบที่หลายคนรอคอย

จากรายงานโดยเว็บไซต์สำนักข่าว Times of India ได้กล่าวถึงการที่ทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์แห่งเมืองปัฏนา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ได้เข้าทำการจับกุม Ashwani Kumar แฮกเกอร์หนุ่มวัย 21 ปี ในข้อหาละเมิดกฎหมายว่าด้วยอาชญากรรมไซเบอร์ และการละเมิดลิขสิทธิ์ เนื่องจากทางผู้ต้องหานั้นได้ทำการแฮกเซิร์ฟเวอร์ของค่ายภาพยนตร์ และแพลตฟอร์มจำหน่ายภาพยนตร์แบบดิจิทัลจำนวนมาก ซึ่งจากการแฮกในระยะเวลาอันสั้นนำไปสู่การรั่วไหลของภาพยนตร์ที่ยังไม่ถูกฉาย หรือจัดจำหน่ายมากถึง 120 เรื่อง และภาพยนตร์ออกฉายใหม่อีกจำนวนมาก ซึ่งครอบคลุมภาพยนตร์ชื่อดังในอินเดียมากมายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น F1, Kingdom, Game Changer, Good Bad and Ugly, Jaat และ Sitare Zameen Par เป็นต้น ซึ่งทางผู้ต้องหาหลังจากที่ขโมยภาพยนตร์มาได้ ก็จะนำเอาทำการประมูลเพื่อขายให้กับกลุ่มธุรกิจหนังเถื่อนผ่านทางบริการแชทยอดนิยมอย่าง Telegram โดยจะทำการตกลงขายให้กับผู้ที่ประมูลในราคาสูงสุด

โดยการนำจับดังกล่าวนั้น มาจากการที่ทางตำรวจไซเบอร์ได้ทำการทลายเว็บไซต์ภาพยนตร์เถื่อนถึง 4 เว็บไซต์ อันนำมาการสืบสวนจนมาถึงตัวแฮกเกอร์ตัวจริงในท้ายที่สุด ซึ่งจากการสอบสวนโดยเจ้าพนักงานนั้นได้เปิดเผยข้อมูลที่แหล่งข่าวระบุว่าทำให้พนักงานสอบสวนต้องตกตะลึง นั่นก็คือ ทางผู้ต้องหานั้นไม่ได้มีการเรียนในด้านการแฮกมาโดยตรงแต่อย่างใด แต่ได้ทำการเรียนรู้ผ่านทางการดูวิดีโอคลิปที่สอนการแฮกบน Youtube และได้ทำการสร้างเครื่องมือสำหรับทำการแฮกเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทภาพยนตร์ด้วยตนเอง ด้วยการเขียนเครื่องมือเหล่านั้นขึ้นด้วยภาษา Python และ Java

นอกจากนั้น สิ่งที่ทำให้ทางเจ้าหน้าที่มองว่าแฮกเกอร์ที่ถูกจับได้นั้นเป็นตัวจริง เนื่องมาจากการอธิบายขั้นตอนการแฮกอย่างมั่นใจอย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยทางแฮกเกอร์ได้สารภาพว่า ตนได้ทำการแฮกเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดียถึง 2 แห่ง ในช่วงปี ค.ศ. 2023 (พ.ศ. 2565) ด้วยการใช้งานเครื่องมือที่ถูกสร้างขึ้นมาในข้างต้น โดยตัวเครื่องมือนั้นจะมีการทำงานในลักษณะมัลแวร์ ด้วยการลอกเลียนแบบตัวตนดิจิทัลของโรงภาพยนตร์ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงระบบ ทำให้สามารถฝ่าระบบป้องกันแบบ Firewall เข้าไปได้ จนสามารถรับกุญแจสำหรับการถอดรหัสไฟล์ และทำการถอดรหัสไฟล์ภาพยนตร์ออกมาได้ในท้ายที่สุด จนได้ไฟล์วิดีโอภาพยนตร์คุณภาพสูงสำหรับนำไปขายต่อในตลาดมืด รวมทั้งทำการเปิดประตูหลังของระบบ (Backdoor) ทิ้งไว้ด้วยเพื่อการเข้าถึงสำหรับการขโมยภาพยนตร์ในภายหลัง

สำหรับความคืบหน้าของคดีนี้ ทางตำรวจไซเบอร์ได้ทำการยึดกระเป๋าเงินคริปโตเคอร์เรนซีของแฮกเกอร์ ที่มีมูลค่าภายในสูงถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (3,253,600 บาท) ทั้งยังพบว่าทางแฮกเกอร์จะได้รับรายได้ประมาณ 800 ดอลลาร์สหรัฐ (26,031 บาท) ต่อการขายไฟล์ภาพยนตร์ความละเอียดสูง 1 ครั้ง บนเว็บบอร์ดใต้ดินอีกด้วย ขณะนี้แหล่งข่าวไม่ได้ระบุว่าจะมีการดำเนินการฟ้องร้องแฮกเกอร์ต่ออย่างไรในขั้นตอนต่อไป

ต้นฉบับ :
ที่มา :